นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐ เปิดเผยว่า จากการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐ ครั้งที่ 1/2562 ประมาณ 41,000 ตัน แบ่งเป็นการจำหน่ายเป็นการทั่วไปประมาณ 13,000 ตัน จำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ประมาณ 15,000 ตัน และจำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ประมาณ 13,000 ตัน โดยในวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการเข้าร่วมยื่นซองเอกสารคุณสมบัติผู้เสนอซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐ ทั้ง 3 กลุ่มรวมทั้งสิ้น 44 ราย
โดยแบ่งออกเป็นผู้ที่สนใจยื่นตรวจสอบคุณสมบัติการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2562 มีผู้สนใจยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ จำนวน 17 ราย ,การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2562 มีผู้สนใจยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ จำนวน 17 ราย , การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนและสัตว์ ครั้งที่ 2/2561 มีผู้สนใจยื่นซองเอกสารคุณสมบัติ จำนวน 10 ราย
โดยการระบายข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม นบข. ได้กำชับให้องค์การคลังสินค้า หรือ อคส. กำหนดมาตรการและกำกับดูแลให้ผู้ชนะการประมูลนำข้าวที่ซื้อจากสต๊อกของรัฐไปใช้ในอุตสาหกรรมตามที่ได้รับรองตนเองไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการรั่วไหลเข้าสู่ระบบการค้าปกติ ซึ่งหากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข และนำข้าวไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ดี หลังตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว
จะประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ในวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2562 เวลา 09.00 น. และการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคน รวมทั้งการจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่การบริโภคของคนสัตว์ จะประกาศรายชื่อฯ ในวันอังคารที่ 14 พฤษภาคม 2562 เวลา 09.00 น.ต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นสามารถยื่นซองเสนอราคาซื้อได้ในวันเดียวกันกับวันประกาศรายชื่อฯ ของข้าวแต่ละกลุ่มด้วย และกรมฯ จะเปิดซองเสนอราคาซื้อต่อไป พร้อมจะรวบรวมผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต๊อกของรัฐดังกล่าว เข้าที่ประชุมคณะทำงานฯ และคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวพิจารณาก่อนนำเสนอประธานกรรมการ นบข.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป